การป้องกันและการพักสายตาในชีวิตประจำวัน
ในยุคดิจิทัลที่ต้องใช้สายตาจ้องหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานาน การดูแลสายตาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ควรใช้กฎ 20-20-20 คือทุก 20 นาทีที่ใช้สายตาจ้องหน้าจอ ให้พักสายตา 20 วินาที โดยมองไปที่ระยะ 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) จัดระยะห่างระหว่างตากับหน้าจอให้เหมาะสมประมาณ 50-70 เซนติเมตร ปรับความสว่างของหน้าจอให้พอดีกับแสงในห้อง และควรมีแสงสว่างเพียงพอขณะอ่านหนังสือหรือทำงาน การนวดคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตาเบาๆ และการกระพริบตาบ่อยๆ ช่วยลดอาการล้าของดวงตาได้

อาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพตา
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตาเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพตาระยะยาว ควรเลือกอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเอ ซี อี สังกะสี และโอเมก้า-3 เช่น ปลาทะเล ผักใบเขียวเข้ม แครอท ฟักทอง ไข่แดง และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ สารอาหารเหล่านี้ช่วยบำรุงจอประสาทตา ป้องกันต้อกระจก และชะลอความเสื่อมของดวงตา นอกจากนี้ การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยป้องกันอาการตาแห้งและรักษาความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลมากเกินไป เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตาบางชนิด

การป้องกันอันตรายจากสภาพแวดล้อม
ดวงตาต้องเผชิญกับอันตรายจากสภาพแวดล้อมหลายรูปแบบ โดยเฉพาะรังสี UV จากแสงแดด ควรสวมแว่นกันแดดที่มีคุณภาพเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง หลีกเลี่ยงการมองแสงแดดโดยตรง และสวมหมวกปีกกว้างเพื่อป้องกันแสงแดด ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละออง ควันพิษ หรือสารเคมี ควรสวมแว่นตานิรภัยเพื่อป้องกันดวงตา หากต้องว่ายน้ำควรสวมแว่นตาว่ายน้ำเพื่อป้องกันคลอรีนและสารเคมีในน้ำ รวมถึงการระมัดระวังไม่ให้น้ำสกปรกหรือเชื้อโรคเข้าตา

การตรวจสุขภาพตาและการรักษาเมื่อมีปัญหา
การตรวจสุขภาพตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้งเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคตา เช่น ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหิน ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หากมีอาการผิดปกติ เช่น ตามัว ปวดตา ตาแดง หรือมองเห็นจุดดำลอย ควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างทันท่วงที การใช้ยาหยอดตาหรืออุปกรณ์ช่วยการมองเห็นควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ และไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ Shutdown123